อังคาร. ก.ค. 29th, 2025

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

แม่บ้านเกาหลีถูกโกงเงิน ไม่พอแถมยังถูกขู่ฆ่าคดีไม่คดีหน้าตั้งแต่ ปี 2562 เข้าร้องเรียน กระทรวงยุติธรรม

1 min read

แม่บ้านเกาหลีถูกโกงเงิน ไม่พอแถมยังถูกขู่ฆ่าคดีไม่คดีหน้าตั้งแต่ ปี 2562 เข้าร้องเรียน กระทรวงยุติธรรม

ฉะเชิงเทรา – ถูกโกงเงิน ไม่พอแถมยังถูกขู่ฆ่าจะเอาถึงชีวิต สาวไทยแม่บ้านเกาหลีถูกเพื่อนแม่บ้านรุ่นใหญ่เชิดเงินกว่า 170 ล้านวอนหรือเกือบ 5 ล้านบาท ขึ้นโรงพักเข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ขณะตำรวจเร่งช่วยติดตามตัวให้แล้วแต่ยังควานหาตัวไม่พบ หลังคู่กรณีอ้างยังอยู่ต่างจังหวัด

สืบเนื่องจากวันที่ 30 ม.ค.62 เวลา 15.45 น. น.ส.ศิวพร ปัดนัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 202 ม.11 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.หญิง พรพรรณ บุญค้ำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีต่อนางภูรดา สมบูรณ์พงษ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1/9 ถ.ศุขประยูร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

  หลังจากถูกคู่กรณีฉ้อโกงเงินไปจำนวน 4.76 ล้านบาท และยังมีการโพสต์ข้อความข่มขู่ฆ่าหรือจะเอาชีวิต จึงทำให้เกิดความหวาดกลัว เกรงว่าอาจจะถูกคู่กรณีลอบทำร้ายจนถึงแก่ความตาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากตนเองนั้นได้แต่งงานกับสามีชาวเกาหลีใต้ และได้ไปอยู่กินกับสามียังที่ต่างประเทศเป็นเวลากว่า 4 ปี จนมีบุตรด้วยกันแล้ว 1 คน
 
    ส่วนคู่กรณีนั้นก็ได้แต่งงานกับสามีชาวเกาหลีใต้ด้วยเช่นเดียวกัน และอยู่มานานกว่านับสิบปีแล้วจนมีบุตรกับสามีชาวเกาหลีจำนวน 2 คน และได้รู้จักกันทางสังคมโซเชียลออนไลน์ (เฟซบุ๊ก) ก่อนที่จะมีการติดต่อแลกเปลี่ยนเงินตรากัน ระหว่างเงินวอนกับเงินบาทกับทางคู่กรณีเมื่อประมาณเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากทางคู่กรณีนั้นกลับมายังที่บ้านเมืองไทยบ่อยครั้ง

โดยในช่วงแรกๆ นั้น คู่กรณีได้มีการจ่ายเงินที่ตนขอแลกเปลี่ยนได้คืนมาเป็นเงินบาทตามปกติ โดยจะโอนแลกเปลี่ยนครั้งละประมาณ 5 แสนบาท แต่มาระยะหลังในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมากลับโอนเงินไปแลกแล้วกลับไม่ได้เงินคืนมารวมเป็นเงินจำนวน 170 ล้านวอน หรือแลกเป็นเงินไทยได้ประมาณ 4.76 ล้านบาท และเมื่อตนได้พยายามที่จะติดต่อไปหายังคู่กรณีผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้หรือติดต่อได้ยากมาก
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ม.ค.62 ที่ผ่านมาคู่กรณียังได้มีการโพสต์ข้อความข่มขู่ฆ่าตนเอง ด้วยข้อความ “กูบอกเลย เรื่องนี้จบศพไม่สวย” ทั้งยังกล่าวหาว่าตนเองนั้นเป็นฝ่ายฉ้อโกงเงินผ่านทางเฟซบุ๊กอีกด้วย จึงทำให้ตนต้องเดินทางกลับมายังประเทศไทยทั้งที่บุตรยังเล็กวัยเพียง 3 ขวบ เพื่อมาติดตามตัวคู่กรณีที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ดังกล่าว และจึงได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่เชิญตัวคู่กรณีเข้ามาพูดคุยตกลงกัน น.ส.ศิวพร กล่าว

หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.หญิง พรพรรณ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าไปติดตามตัว นางภูรดา ยังที่บ้านพักตามภูมิลำเนาที่อยู่ดังกล่าว แต่ปรากฏว่าไม่อยู่บ้าน โดยทราบว่าได้เดินทางไปยังต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่จึงได้ฝากให้ทางญาติแจ้งให้ทราบว่าเมื่อ นางภูรดา เดินทางกลับมาแล้วให้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทราในทันที

แม่บ้านเกาหลีคดีไม่คดีหน้าตั้งแต่ ปี 2562 เข้าร้องเรียน กระทรวงยุติธรรม

ในวันที่ 21 ธ.ค.2565 ทีมงานทนาย ปริญญา จิตติเจษฎาภรณ์ ( ทนายโจ้ ) พร้อมผู้เสียหาย น.ส.ศิวพร ปัดนัย เดินทางเข้ายื่นหนังสือกับนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ หัวหน้าศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและพนักงานสอบสวน เนื่องจากละทิ้งสำนวนไม่ส่งสำนานให้อัยการ ตามเวลาที่กำหนดเวลาผ่านไป 3 ปี ไม่มีความคืบหน้าในคดี ทำให้คดีเกิดความเสียหาย ทั้งที่ผู้ต้องหาถูกหมายจับศาลอาญา จังหวัด ฉะเชิงเทรา ที่ 73/ 2562 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและเป็นอั้งยี่ และไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ที่ สภ.ฉะเชิงเทรา ใน มาตรา 157 ความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบและไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างทำให้ผู้เสียหายเกิดความเสียหายซ้ำซาก ทีมงานทนายโจ้ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายต่อไป

ด้านนาย ปริญญา จิติเจษฎาภรณ์ ทนายความ กล่าวว่า ได้เดินทางพาผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับกระทรวงยุติธรรม สืบเนื่องจากในคดีนี้ ผู้เสียหายได้สูญเงินจริงจากการที่ได้โอนให้กับผู้กระทำความผิดและได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน โดยตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหา และผู้ต้องหานั้นก็ได้ให้การณ์รับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง จากนั้นได้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหาไป จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิด และไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเลย ซึ่งทนายมองว่าคดีนี้มีความไม่ชอบมาพากล โดยตำรวจเห็นใจผู้ต้องหาแล้วปล่อยตัวไป ผ่านมา 3ปี ทำคดีไม่คืบ ซึ่งหน้าเจ้าหน้าที่อาจจะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157 การเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐความถูกต้องสำคัญที่สุด

ทางด้านนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ หัวหน้าศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมได้รับหนังสือร้องเรียนนี้แล้ว ก็จะเร่งดำเนินการส่งหนังสือไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ทำการตรวจสอบเกี่ยวกับคดีนี้ว่าพนักงานสอบสวนมีความบกพร่องหรือไม่ ทำไมคดีไม่มีความคืบหน้า

ข่าวชัดประเด็นจริง รายงาน

Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.