เสาร์. ส.ค. 2nd, 2025

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

“ศรีสุวรรณ” บุก สตง.สอบเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อโครตแพงขัดพรบ.จัดซื้อ-ฮั้วหรือไม่

1 min read
       วันนี้ (5 ม.ค.66) เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซ.อารีย์ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้มายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน/ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าจ้างบริษัทเอกชนจัดทำและเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของ รฟท.ในราคากว่า 33 ล้านบาท โครตแพงเกินไปหรือไม่
       
     ทั้งนี้ พบข้อพิรุธหลายประการจากการที่ รฟท. ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วย "วิธีเฉพาะเจาะจง" ทำให้ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ทำให้ได้ผู้รับจ้างในราคาสูงเกินสมควร อาจเป็นการขัดหรือแย้งต่อ“พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 เพราะไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน วิธีการตามที่ ม.11 กำหนดไว้ และไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นที่จะใช้วิธีเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นการขัดหรือแย้งต่อ ม.82 อย่างชัดเจน เพราะไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน วิธีการที่กฎหมายให้ใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปและวิธีการคัดเลือกตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำเสียก่อน
       
     แม้ทาง รฟท.จะออกมาแถลงชี้แจงเมื่อวันก่อน ก็ไม่มีเหตุผลหรือน้ำหนักที่เพียงพอที่จะเข้าข่ายข้อยกเว้นเกี่ยวกับการที่ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วน และไม่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ และหากจะล่าช้าออกไปก็ไม่ทำให้กิจการของ รฟท.เสียหาย หรือล้มละลาย หรือล่มจมแต่อย่างใด และการจัดทำและติดตั้งป้าย ไม่มีเหตุผลทางเทคนิคที่ใช้เป็นข้ออ้างเพราะมีกิจการร้านค้า บริษัท หรือผู้ประกอบการมากมายในประเทศไทย ที่สามารถจัดทำและติดตั้งป้ายประเภทดังกล่าวได้
    
        นอกจากนั้น คณะกรรมการกำหนดราคากลางทั้ง 6 คนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการนำข้อมูลผู้ประกอบการอื่นใดในประเทศนี้ มีมาเทียบราคาหรือไม่ และควรที่จะเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการดังกล่าว หากจะพิสูจน์ว่าการดำเนินงานโปร่งใสและเป็นไปตามกฎหมาย
      
     ที่สำคัญ ชื่อสถานีดังกล่าวได้รับพระราชทานชื่อใหม่มาตั้งแต่เดือน ก.ย.2565 ต่เหตุใดจึงมีการเร่งรีบดำเนินการในเดือน ธ.ค.2565 แล้วมาใช้วิธีการประมูลแบบ “เฉพาะเจาะจง” ทั้ง ๆ ที่ รฟท.สามารถเลือกใช้การประมูลโดยให้มีคู่แข่งในการประมูล ยกเว้นจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะหรือไม่ เพราะสุดท้ายผู้ที่ได้รับงานดังกล่าวพบว่า เป็นผู้ซึ่งเคยเป็นคู่สัญญาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 โครงการ มูลค่างานรวม  52,512.028 ล้านบาท ซึ่งการใช้อำนาจดังกล่าวอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.4 ประกอบ ม.11 ม.12 แห่ง พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูลได้ 
    
     สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องให้ สตง.ตรวจสอบตามประเด็นที่กำหนด หากพบความผิดปกติให้ส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ม.221 ด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
Loading…

More Stories

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.