สาวคู่กรณี “แสตมป์” พอใจโพสต์รับผิดขอโทษ ไม่เอาเรื่องเว้นพูดเสียหายอีก
1 min read
กรุงเทพมหานคร-“ทนายเดชา“ เผย สาวคู่กรณี “แสตมป์” พอใจโพสต์รับผิด-ขอโทษ ไม่เอาเรื่องเว้นสัมภาษณ์เสียหาย ยันไม่มีขู่ ม.112
วันนี้(20 ม.ค. 68) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของคู่กรณีนักร้องชายชื่อดัง ”แสตมป์ อภิวัชร์“ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นร้อนในสังคมขณะนี้ว่า จากการพูดคุยกับลูกความของตนเองบอกว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางคุณ “แสตมป์” ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวยอมรับผิดและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นก็รู้สึกพอใจ ส่วนเรื่องของคดีความจากการประชุมทีมที่ปรึกษาและครอบครัวของลูกความพบว่ามีทั้งหมด 4 คดี แบ่งเป็นคดีที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ในความผิดฐานหมิ่นประมาทและคดีที่ศาลแขวงดุสิต หมิ่นประมาทเช่นเดียวกัน ซึ่งคุณ ”แสตมป์“ เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง ส่วนคดีที่ศาลเพ่งมีการเรียกค่าเสียหายจํานวน 2 ล้านบาท และคดีที่ภรรยาของคุณ “แสตมป์“ ฟ้องในคดีละเมิดเรียกค่าทดแทน 10 ล้านบาท ที่ศาลเยาวชนกลาง ซึ่งมีการถอนฟ้องไปแล้ว 3 คดี ส่วนคดีศาลเยาวชนกลาง ศาลไกล่เกลี่ยและทํายอม จ่ายเงินทดแทน 1 ล้านบาท ทําให้คดีถึงที่สุดแล้วทั้ง 4 คดี

ทนายเดชา กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ฝั่งคุณ “จ” ไม่ติดใจที่จะดําเนินคดีอะไรกับทางคุณ ”แสตมป์“ เนื่องจากพอใจโพสต์ที่ยอมรัยผิดและขอโทษพร้อมยุติเรื่องทั้งหมด ยกเว้นเรื่องเดียวคือคดีหมิ่นสถาบันฯ มาตรา 112 ที่ข่าวไปไกลถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของคู่ความคงต้องมีการดําเนินคดีกันตามกฎหมาย เท่าที่ทราบทางคุณ “จ” จะไปให้การในคดี มาตรา 112 หลังจากนั้นก็คงเป็นเรื่องของกองทัพจะดําเนินการ ส่วนเรื่องของหลักฐานทราบว่ามีแชทที่พูดพาดพิงสถาบันซึ่งตรงกับโพสต์ของคุณ ”แสตมป์“ จริง
สําหรับเรื่องการข่มขู่ว่าจะยัดคดี มาตรา 112 จากการสอบถามครอบครัวคุณ “จ” ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง แต่อาจจะมีการแจ้งให้เห็นว่าการแสดงความคิดเห็น การพูดหรือสนทนาบางสิ่งบางอย่างหมิ่นเหม่การละเมิดสถาบันซึ่งนี้ไม่ได้เรียกว่าการข่มขู่แต่เป็นการแจ้งให้ทราบเท่านั้น ส่วนการนำคำพิพากษามาโพสต์ลงโซเชียลนั้น ยืนยันว่า ไม่มีความผิด เพราะคนที่โพสต์เป็นแฟนคู่ความถือเป็นผู้รับมอบอำนาจ เมื่อโดนกล่าวหาให้เสียหายก็สามารถชี้แจงได้
ทั้งนี้ ทนายเดชา ยืนยันว่า ทางฝั่งคุณ ”จ“ จะไม่มีการดําเนินคดีใดๆทั้งสิ้นกับคุณ ”แสตมป์“ เว้นแต่ทางคุณ ”แสตมป์“ จะออกมาให้สัมภาษณ์สื่อและส่งผลกระทบก็จะต้องดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป