คณะกรรมาธิการแรงงาน ศึกษาดูงานที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ สาธารณรัฐฟินแลนด์ เร่งขับเคลื่อนคุ้มครองสิทธิแรงงานไทยเก็บเบอร์รี่
1 min read
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมาธิการการแรงงานได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิสาธารณรัฐฟินแลนด์โดยนายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิสาธารณรัฐฟินแลนด์ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านแรงงานไทยที่มาทำงานในสาธารณรัฐฟินแลนด์ ความร่วมมือด้านแรงงานแนวทางการพัฒนาฝีมือรองรับความต้องการของตลาดแรงงานและประเด็นปัญหาการหลอกลวงแรงงานไทยมาทำงานเก็บเบอรี่ป่า แรงงานไทยที่ทำงานเก็บเบอร์รี่ป่าในสาธารณรัฐฟินแลนด์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการผลิต ส่งออกเบอร์รี่ของฟินแลนด์เป็นอย่างมากเนื่องจากร้อยละ 95 ของแรงงานต่างชาติที่ทำงานเก็บเบอร์รี่ป่าที่เป็นแรงงานจากไทย โดยเห็นได้ชัดในช่วงปีที่ผ่านมามีการอนุญาตแรงงานไทยเข้ามาทำงานจำนวนน้อยขาดแคลนแรงงานส่งผลให้ราคาเบอร์รี่มีราคาที่ส่งขึ้นมาก

แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่ามีมานานจนมีการร้องเรียน การแสวงหาผลประโยชน์เอารัดเอาเปรียบ อัตราค่าตอบแทนที่ต่ำ การจ่ายค่าจ้างล่าช้า ชั่วโมงการทำงาน สภาพการทำงาน ที่พักอาศัยไม่เหมาะสมจนมีการร้องเรียนดำเนินคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และมีคำตัดสินลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงนักการเมืองระดับสูงของประเทศฟินแลนด์ จึงนำไปสู่การปรับปรุงแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความคุ้มครองสิทธิแรงงานเก็บเบอร์มีการออกกฎหมายโดยรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ที่เกี่ยวข้องกำหนดให้การมาทำงานเก็บเบอร์รี่ป่าแรงงานต้องได้รับอนุญาตทำงานประเภททำงานตามฤดูกาล มีสัญญาจ้างระหว่างกัน ข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้ความคุ้มครองสิทธิสวัสดิการแรงงานที่ทำงาน

ทั้งสิทธิรักษาพยาบาล ความปลอดภัยในการทำงาน อัตราค่าจ้างที่เป็นธรรมโดยมีการกำหนดอัตราค่าจ้างตอบแทนขั้นต่ำและอัตราค่าตอบแทนในกรณีที่ทำงานได้มากว่าปกติ กำหนดชั่วโมงการทำงาน เวลาพัก กำหนดภาระนายจ้างในการจัดหาอุปกรณ์ในการทำงาน ค่ารถค่าเดินทางของแรงงานและนายจ้างต้องมีการให้ข้อมูลสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการคุ้มครองแรงงานที่จะมาทำงานเก็บเบอร์รี่ตั้งแต่ประเทศต้นทาง
โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการอนุญาตมาทำงานในการเก็บเบอร์รี่จากเดิมที่แรงงานเข้ามาทำงานโดยใช้หนังสือเดินทางประเภทท่องเที่ยวปรับเปลี่ยนมาเป็นการขออนุญาตทำงานตามฤดูกาล
จึงจำเป็นที่หน่วยงานรัฐ กระทรวงแรงงานต้องดำเนินการให้ข้อมูล สร้างความรับรู้ไม่ให้มีการโฆษณาเชิญชวนเกินความจริงให้ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงานตามกฎหมายของฟินแลนด์ ต้องมีการอบรมให้ความรู้ รายละเอียดของสัญญา ข้อตกลงร่วมกัน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในส่วนของเงินสมทบประกันสังคมเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าประเทศฟินแลนด์ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจะได้ทำงาน ซึ่งหากมีการเรียกเก็บจะมีความผิด แต่ประเทศไทยยังคงให้แรงงานจ่ายเงินให้กับบริษัทนายหน้าเพื่อให้ได้งานเดินทางมาทำงาน
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้สภาพความเป็นจริง ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการมาทำงานเก็บเบอร์รี่ป่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่พึงได้รับในช่องทางสื่อออนไลน์และประสานความร่วมมือหน่วยงานและสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมในสาธารณรัฐฟินแลนด์เพื่อจะทำแอพพลิเคชั่น และวีดีโอแนะนำข้อมูลในการเผยแพร่ข้อมูลให้กับแรงงานผ่านช่องทางต่างๆ




จากนั้นคณะกรรมาธิการและเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิได้ร่วมเดินทางไปยังสหภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ (Industrial Union) เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนพูดคุยประเด็นการให้ความคุ้มครองสิทธิแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าในสาธารณรัฐฟินแลนด์ตามแนวทางการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายใหม่



และในเวลาต่อมาคณะกรรมาธิการเดินทางต่อเนื่องไปยังห้องประชุมโรงเรียนศิลปะ Teatterikorkeakoulu เพื่อพบกับตัวแทนแรงงานไทยที่เดินทางมาทำงานเก็บเบอร์รี่ประเทศฟินแลนด์และไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกเอาเปรียบค่าตอบแทน คิดค่าใช้จ่ายค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่ารถรับคนงานไปยังที่พักนอกเหนือเกินกว่าที่ปรากฎสัญญา มีการร้องเรียนเจ้าพนักงานตำรวจสอบสวนและให้การช่วยคดีการค้ามนุษย์และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับบริษัทนายจ้าง โดยมีนางจรรยา ยิ้มประเสริฐ นักวิชาการสิทธิแรงงานที่ช่วยเหลือแรงงานและผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมจากธุรกิจอุตสาหกรรมเบอร์รี่







