ศาลเลื่อนไต่สวนคดี “สุชาติ ชมกลิ่น” ฟ้อง “ไอซ์ รักชนก-สหัตวัส” ปม “ตึก Skyy9” โจทก์ยืนยัน “ไม่ไกล่เกลี่ย” ชี้ การกระทำเกินเยียวยา
1 min read
กรุงเทพมหานคร- ศาลเลื่อนไต่สวนคดี “สุชาติ ชมกลิ่น” ฟ้อง “ไอซ์ รักชนก-สหัตวัส” ปม “ตึก Skyy9” ไป 16 มิ.ย. โจทก์ยืนยัน “ไม่ไกล่เกลี่ย” ชี้ การกระทำเกินเยียวยา
ที่ศาล อาญารัชดา ได้มีการนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน) เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.รักชนก ศรีนอก (ไอซ์) ส.ส.กทม. และ นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี จากพรรคประชาชน ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท
คดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่จำเลยทั้งสองได้พาดพิงถึงการเข้าซื้ออาคาร Skyy9 ย่านพระราม 9 ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในสมัยที่นายสุชาติยังเป็น รมว.แรงงาน ซึ่งถูกระบุว่ามีมูลค่าสูงถึงประมาณ 7,000 ล้านบาท
นายสุชาติได้ใช้เวลาในการเบิกความในฐานะโจทก์นานกว่า 1 ชั่วโมง โดยกล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังว่า ฝ่ายโจทก์ได้เตรียมเอกสารหลักฐานพร้อมเบิกความแล้ว แต่ในส่วนของจำเลยทั้งสอง มีทนายความมาเพียง 1 คน โดยให้เหตุผลว่าติดธุระที่ศาลอื่น ศาลจึงได้เลื่อนการเบิกความออกไปเป็นวันที่ 16 มิถุนายน เวลา 13.00 น. เพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสมาแก้ต่างด้วยตนเอง
ประเด็นสำคัญคือนายสุชาติได้ยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่ขอไกล่เกลี่ยกับ ส.ส. ทั้งสองคน แม้ศาลจะมีการสอบถามในประเด็นนี้ นายสุชาติกล่าวว่า “ขออนุญาตรักษาสิทธิ์ในการไม่ไกล่เกลี่ยสำหรับคนๆ นี้” โดยเปรียบเทียบกับกรณีประชาชนทั่วไปที่มีการเข้าใจผิดและเข้ามาขอโทษ ซึ่งตนพร้อมให้อภัย แต่สำหรับ ส.ส. ทั้งสองคนนี้ นายสุชาติมองว่า “มันเกินเยียวยา” และว่า “กระบวนการของศาลยุติธรรมเป็นที่พึ่งของตน”
นายสุชาติเน้นย้ำว่า ในฐานะบุคคลสาธารณะ ตนยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์และการตรวจสอบการทำงานได้ทั้งหมด แต่ไม่ใช่การกล่าวหาใส่ร้ายหรือดูหมิ่นเหยียดหยามที่รุนแรงเกินไป หากมีข้อสงสัยก็สามารถยื่นเรื่องตรวจสอบผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ป.ป.ช. หรือหน่วยงานรัฐได้
ผู้พิพากษาได้สอบถามนายสุชาติว่ามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้วหรือไม่ ซึ่งนายสุชาติได้ชี้แจงว่ามีหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (สป.มท.) ซึ่งเป็นประธานระดับ ซี11 ได้เข้ามาตรวจสอบประเด็นที่สังคมสงสัยแล้ว
นายสุชาติย้ำในตอนท้ายว่า “ไม่มีทางที่จะไกล่เกลี่ยอย่างแน่นอน” เพราะเนื้อหาที่ถูกกล่าวหาเป็นเรื่องรุนแรงและต่อเนื่อง จนทำให้จำเลย “สนุกปาก” ในการนำไปเผยแพร่ผ่านทุกช่องทางและทุกสื่อ
