ปทุมธานี รวบทันควันหนุ่มวัย 28 ควงมีดปังตอก่อเหตุตระเวนชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อคืนเดียว 2 แห่ง
1 min read
เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 25 พ.ค. 68 พันตำรวจโทกฤชฐา ประทุมแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.สามโคก ได้รับแจ้งจากพนักงานร้านเซเว่น (สาขาวัดสะแก) ต.สามโคก อ.สามโคก ว่ามีคนร้ายใช้อาวุธมีดเข้ามาก่อเหตุชิงทรัพย์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ฉกาจ เล็กอาราม รอง ผกก.(สส.) ร.ต.อ.ชัยธัช เหลืองพุทธรัตน์ รอง สว.(สส.) กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจ
เมื่อไปถึงพบพนักงานในร้านดังกล่าว ให้การว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณตีสามเศษ ได้มีคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 25-30 ปี นุ่งกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อโดยใช้เสื้อยืดสีแดงคลุมหัว ถือมีดปังตอเข้ามา พร้อมขู่ว่าให้รีบส่งเงินมา ถ้าไม่อยากถูกฟันมือ ก่อนที่พนักงานได่ฝ้หนิบเงินในเก๊ะให้ไปจำนวน 840 บาท ก่อนที่คนร้ายจะหนีออกไปแล้วขับรถ จยย.แบบสกู๊ปปี้ไอ สีแดง หลบหนีไป
และขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังสอบถามรายละเอียดและตรวจสอบอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ สภ.สามโคก ว่ามีเหตุคนร้ายเข้ามาก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ในร้านเซเว่น (สาขาจันทน์กะพ้อ) ต.บางเตย อ.สามโคก ซึ่งได้ขับรถ จยย.หลบหนีไปแล้ว จากนั้นจึงนำกำลังรุดมาตรวจสอบร้านสะดวกซื้อแห่งที่สอง โดยพนักงานในร้านแจ้งว่าคนร้าย นุ่งกางเกงขาสั้น ถอดเสื้อไซส์เสื้อคลุมสีแดงคลุมหัวถือมีดปันปองเข้ามาขู่ว่าให้ส่งเงินมาไม่เช่นนั้นจะทำร้ายคนในร้าน พนักงานจึงได้หยิบเงิน มาแจ้งแล้วส่งให้กับคนร้ายไปจำนวน 4,040 บาท ก่อนที่คนร้ายจะขับ รถจยย สกู๊ปปี้ ไอ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1กจ-2070 ปทุมธานี หลบหนีไป ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคนร้ายเป็นบุคคลเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางและตรวจเช็คทะเบียนรถ จยย.เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี จนสามารถติดตามจับกุมได้ในช่วงสายวันนนี้

ทางด้าน พ.ต.ท.ฉกาจ เล็กอาราม รอง ผกก.(สส.) สภ.สามโคก กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมในการจับกุมคนร้ายรายนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันนี้ (25 พ.ค.68) เวลาประมาณ 03.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจชุดจับกุมได้รับแจ้งมีเหตุชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาจันทน์กะพ้อ ม.9 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และยังพบว่าคนร้ายที่พึ่งก่อเหตุร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาภัทรไพรเวท2 ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งเชือว่าเป็นบุคคลเดียวกันอีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ออกติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าว จนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายทัศพงศ์ จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี เพื่อเข้าจับกุม
จนกระทั่งตอนสายวันเดียวกันนี้ (25 พ.ค.) จึงนำกำลังพร้อมหมายจับเดินทางไปตรวจที่บ้านผู้ก่อเหตุ เมื่อไปถึงตามบ้านเลขที่ข้างต้น ก็พบตัวนายทัศพงศ์ ฯ กำลังนั่งเล่นอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงหมายจับว่าเป็นบุคคลเดียวกัน โดยนายทัศพงศ์ ฯ ก็ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุในคดีดังกล่าวจริง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง สีดำ จำนวน 1 เครื่อง อยู่ที่ตัวของนายทัศพงศ์ ฯ แต่นายทัศพงศ์ ฯ ไม่สามารถปลดล็อครหัสโทรศัพท์ได้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงน่าเชื่อว่าไม่ใช่โทรศัพท์ของนายทัศพงศ์ ฯ จึงได้ทำการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวไว้ นอกจากนี้ยังตรวจยึดมีดปังตอ ยาวประมาณ 1 ฟุต รถ จยย. 1 คันที่ใช้สำหรับก่อเหตุ มาเป็นของกลาง ส่วนเงินจำนวนเกือบ5พันบาทที่ชิงมาได้นายทัศพงศ์ฯอ้างว่าใช้หนี้พนันบอลไปหมดแล้ว ก่อนถูกนำสอบสวนขยายผล ที่ สภ.สามโคก
ซึ่งในระหว่างทำการสอบสวนขยายผล ปรากฏว่าได้มีชายคนหนึ่งโทรเข้ามายังโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว พร้อมกับแสดงตัวเป็นเจ้าของโทรศัพท์ โดยได้แจ้งว่าถูกขโมยมาจากบริเวณวัดสุราษฏร์รังสรรค์ ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้สอบถามนายทัศพงศ์ ฯ ว่าได้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวมาจากไหน นายทัศพงศ์ ฯ จึงยอมรับว่าได้มีนายบอย ไม่ทราบชื่อสกุลจริง นำโทรศัพท์มาขายให้ตนเองในราคา 1,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตรวจยึดของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามโคก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทางด้านนายทัศพงศ์ ฯ “เจี๊ยวจ๊าว” ผู้ต้องหา กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเข้าไปก่อเหตุนั้นเป็นข้อความที่คะนอง โดยเงิน ร้านสะดวกซื้อร้านแรกตนได้มาจำนวน 840 บาทหลังจากนั้น จึงขับมาที่ร้านสะดวกซื้อแห่งที่ 2 ก็ได้เงินไปจำนวน 4,040 บาท ดังนั้นจึง ขับรถกลับบ้าน โดยมี คนที่ตน ติดหนี้ เกี่ยวกับเรื่องพนันบอลมารออยู่จนถึงให้เขาไปหมด นอกจากนี้ผู้ต้องหาดังกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รีบนำส่งแล้วจะไปตอนไหนก็ศาลว่า เป็นคนจิตเวช เพราะมีบัตรจากโรงพยาบาลศรีธัญญาที่เคยรักษา แต่ก็ยัง กล่าวอีกว่า บัตรดังกล่าวที่ได้มาเพราะ ตนทำเป็นแกล้งบ้าเพื่อจะนำบัตรดังกล่าวนั้น ไปใช้หมดประจำการจากที่เคยเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ กลับคำให้การทั้งหมด จะต้องทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้ง
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน