“หลิง-ออม” ดาราสาวคู่จิ้น แจ้งความ “5 ซาแซง” บุกรุก-คุกคามหนักถึงบ้านและคอนโดฯ
1 min read
"หลิงหลิง" ศิริลักษณ์ คอง และ "ออม" กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ สองดาราสาวคู่จิ้นชื่อดัง ได้มอบหมายให้ผู้จัดการส่วนตัวและทนายความ เข้าแจ้งความกับตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่ม "ซาแซง" (แฟนคลับที่ตามติดชีวิตส่วนตัว) จำนวน 5 ราย ที่มีพฤติการณ์คุกคามอย่างหนัก ทั้งการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว แอบสะกดรอยตาม และเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวในทางเสื่อมเสีย
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา น.ส.พิมพลอย ปัญจชัยโยกุล ผู้จัดการส่วนตัว และ นายอาทร ทองมา ทนายความ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รอง ผกก.ดส.บช.น.(มือปิดคดีไอซ์หีบเหล็ก)เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ หลังดาราสาวทั้งสองถูกกลุ่มซาแซงคุกคามมาอย่างต่อเนื่อง
พฤติการณ์ของกลุ่มซาแซงเหล่านี้รวมถึงการ แอบติดตามไปที่บ้านและคอนโดมิเนียมของ “หลิง-ออม” ขึ้นไปถ่ายภาพรถยนต์ส่วนตัว และเฝ้าอยู่บริเวณที่พักตลอดทั้งวันทั้งคืน นอกจากนี้ยังมีการ ว่าจ้างคนขับรถให้แจ้งข้อมูลกิจกรรม และสถานที่ต่างๆ ของดาราสาว ซึ่งทางต้นสังกัดได้ดำเนินการไล่คนขับรถดังกล่าวออกไปแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มซาแซงยังได้ ตั้งกลุ่มแอปพลิเคชันไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของดาราสาว และใช้ถ้อยคำใส่ร้ายในทางเสื่อมเสีย จากเดิมที่เป็นซาแซงกลับกลายเป็น “แอนตี้-แฟนคลับ” โดยพยายามติดตามดาราสาวไปทุกที่ ถึงขั้นจองตั๋วเครื่องบินไปนั่งใกล้ๆ ทุกครั้งที่มีการเดินทางไกล มีการจับผิด ใส่ความว่าดาราสาวหลอกลวง และเข้าไปหาคุณแม่รวมถึงผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนและความหวาดกลัวให้กับดาราสาวทั้งสองเป็นอย่างมาก
ด้าน พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล (มือปิดคดีไอซ์หีบเหล็ก)เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพยานหลักฐานเบื้องต้น พบผู้กระทำความผิด 5 ราย โดยมีการตั้งกลุ่มไลน์เพื่อคุกคามดาราสาวจริง ซึ่งตำรวจทราบตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดแล้ว และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีอย่างเต็มที่ โดยทางต้นสังกัดยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด เนื่องจากกลุ่มที่คุกคามไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว แต่มีทั้งแฟนคลับชาวไทยและต่างชาติที่คุกคามมาโดยตลอด
พ.ต.ท.ปียรัช ได้กล่าวเตือนกลุ่มผู้กระทำความผิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น ผิดกฎหมาย ขอให้เลิกกระทำก่อนที่จะถูกดำเนินคดี เตือนภัยอินฟลูเอนเซอร์และคนดัง: อย่าใช้ชื่อเสียงในทางที่ผิด
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ปียรัช ยังได้กล่าวเตือนภัยถึงคนดังและอินฟลูเอนเซอร์หลายราย ที่อาจใช้ชื่อเสียงไปในทางที่ผิด โดยมีการส่งข้อความไปหาผู้หญิงหลายคน อาศัยภาพลักษณ์ภายนอกและชื่อเสียงที่ดูดี ขายฝันจนเหยื่อหลายรายหลงเชื่อ พลาดไปคบหาแบบไม่มีสถานะ พร้อมถ่ายภาพอนาจารเก็บไว้ ซึ่งสร้างความเสียใจให้กับพ่อแม่และครอบครัวของเหยื่อเป็นอย่างมาก “อย่าใช้ความมีชื่อเสียงไปทำลายครอบครัวคนอื่น”
พ.ต.ท.ปียรัช เน้นย้ำ และกล่าวว่า ผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดอนาจาร หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 5 ปี และไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือกฎแห่งกรรม ก็จะติดตามผู้กระทำความผิดตลอดไป

สุดท้าย พ.ต.ท.ปียรัช ได้ฝากถึงเหยื่อที่ตกเป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า สามารถเข้ามาติดต่อหรือแจ้งเหตุได้ที่ กก.ดส.บช.น. โดยทางเจ้าหน้าที่มีมาตรการรักษาความลับ และพร้อมให้บริการประชาชน ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เน้นย้ำเรื่องการบริการประชาชน