“ทนายเป้ง” นําพันเอกหอบหลักฐานยื่น ”แพทยสภา“ ตรวจสอบจริยธรรมหมอโรงพยาบาลทหารชื่อดัง
1 min read
“ทนายเป้ง” นําพันเอกหอบหลักฐานยื่น ”แพทยสภา“ ตรวจสอบจริยธรรมหมอโรงพยาบาลทหารชื่อดัง เหตุสงสัยว่าปลอมเวชระเบียนเอื้อประโยชน์ให้อดีตผู้บังคับบัญชารับมรดกคุณย่า
วันนี้(17 มิ.ย. 68) นายอรรณพ บุญสว่าง หรือ ทนายเป้ง พร้อมด้วย นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระ พา พ.อ.กรศักร สุวรรณเตมีย์ เข้ายื่นหนังสือถึงแพทยสภาขอให้ดําเนินการตรวจสอบจริยธรรมแพทย์โรงพยาบาลทหาร เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าปลอมเวชระเบียนและออกใบรับรองแพทย์เท็จ เพื่อช่วยเหลือแพทย์ยศนายพลในการรับมรดกจากคุณย่าที่เสียชีวิต
โดย พ.อ.กรศักร กล่าวว่า ผู้ป่วยเป็นย่าซึ่งตนมีศักดิ์เป็นหลานส่วนผู้ถูกร้องมีศักดิ์เป็นอาของตนเองและเป็นหลานของคุณย่าเช่นเดียวกัน โดยคุนย่าเลี้ยงตนเองมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งวันที่คุณย่าป่วยเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากป่วยเกี่ยวกับอาการทางสมองและทราบจากคุณย่าว่ามีคนพยายามจะให้คุณย่าทํานิติกรรมอะไรบ้างอย่างแต่คุณย่าปฏิเสธ จนสุดท้ายคุณย่าขอให้ตนช่วยปิดบังทรัพย์สินที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ ผ่านมาระยะหนึ่งคุณย่าถูกนําตัวกลับไปที่บ้านซึ่งตนเองและครอบครัวไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ จากนั้นเริ่มเห็นเอกสารต่างๆทางคดีความและทรัพย์สินที่เกิดจากการพิมพ์ลายนิ้วมือของคุณย่า จนไปพบความผิดปกติและความเกี่ยวข้องของแต่ละคนในเรื่องของเอกสารใบรับรองแพทย์และเวชระเบียนผู้ป่วย

นอกจากนี้ตนเองยังถูกกดดันจากตํารวจที่มีการปลอมแปลงเอกสารเรียกให้ตนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาและตรวจสอบสภาพทางทหาร แต่สุดท้ายพบว่าผู้บังคับบัญชาของตํารวจนายดังกล่าวไม่ทราบและยืนยันว่าไม่เคยมีการสืบสวนคดีดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการรวบรวมเอกสารหลักฐานไปร้องยังสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
ด้าน ทนายเป้ง ระบุว่า การเดินทางมาร้องยังแพทยสภาเนื่องจากมีความเชื่อมั่นในการตรวจสอบที่เข้มข้น ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นพบว่าเวชระเบียนที่ปริ้นออกมาในแต่ละวันนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเพื่อนําไปออกใบรับรองแพทย์และมีการนําไปใช้เพื่ออ้างอิงในเรื่องของสติสัมปชัญญะและนําไปใช้ในการทําพินัยกรรมและนิติกรรม ผู้ร้องจึงสงสัยว่าเหตุใดเอกสารที่พบถึงเป็นการพิมพ์ลายนิ้วมือและแพทย์ระบุว่าคุณย่าไม่สามารถเขียนหนังสือได้ทั้งที่คุณย่ายังสามารถเขียนหนังสือและพูดคุยโต้ตอบได้ จึงเกรงว่าอาจจะมีการเอื้อผลประโยชน์ใดๆหรือไม่
เบื้องต้นพบว่ามีแพทย์ที่เกี่ยวข้อง 4 คน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับผู้ถูกร้องในฐานะอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน

อย่างไรก็ตาม พ.อ.กรศักร ระบุว่า ปัจจุบันคุณย่าได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งยังมีข้อสงสัยในการเสียชีวิตของคุณย่าอีกด้วย เนื่องจากผู้ถูกร้องไม่แจ้งให้ตนเองทราบเรื่องการเสียชีวิต อีกทั้งคุณย่ามีสิทธิที่จะได้รับพระราชทานนํ้าหลวงอาบศพและพระราชทานเพลิงศพแต่ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นอาไม่ยอมรับและจัดงานศพให้คุณย่าแบบสวดวันเดียวและเผาทันที