คณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เยือนโรงไฟฟ้าพลังน้ำเทินหินบูน สปป.ลาว เรียนรู้การจัดการพลังงานสะอาดและสวัสดิการแรงงานอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 คณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางศึกษาดูงาน ณ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเทินหินบูน แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้าและส่งขายให้ประเทศไทยในสัดส่วนกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

การเดินทางครั้งนี้นำโดย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ ที่ปรึกษา และข้าราชการรัฐสภา รวมทั้งสิ้น 19 คน ได้แก่

คณะกรรมาธิการประกอบด้วย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง, นายเซีย จำปาทอง, นายพิพิธ รัตนรักษ์, นายทวี สุระบาล, นายจรัส คุ้มไข่น้ำ และนายณัฏฐ์ชน ศรีก่อเกื้อ

ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ ได้แก่ นายภูรีภัทร ห้วยหงษ์ทอง, นางรุ่งทิพย์ สูงสว่าง และนายวิโรจน์ วิบูลย์รัตน์

ที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิประจำคณะกรรมาธิการ ได้แก่ นางสาวพัทธนัญพร พิพิธวรโภคิน, นายสุวรรณ บัวโรย และนายรชธร กฤติชนากรณ์

ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการ ได้แก่ นางสาวดาวเรือง เลขวรนันท์, นายสมชาย นันทิเกียรติกุล และนางสุเนตตา แซ่โก๊ะ

ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ร่วมคณะ ได้แก่ นายนพดล นุ้ยจุ้ย, นางสาวณัฐธิรา มาฉาย, นายสุรศักดิ์ บำเรอเจ้า และนางสาวปาลิตา ศรีมีลาภ

การศึกษาดูงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเรียนรู้ระบบการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำ เทคโนโลยีควบคุมอัตโนมัติ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมพลังงาน และระบบสวัสดิการแรงงาน รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

โรงไฟฟ้าตั้งอยู่หลังภูเขาหินปูน ใช้ระบบจัดการ “น้ำซับ” จากเขื่อนส่งมายังโรงงานในระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร การควบคุมการผลิตไฟฟ้าดำเนินตลอด 24 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนเวร 3 กะ กะละ 2 คน ทำให้สามารถผลิตพลังงานได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ ทั้งยังมีการจัดสวัสดิการแก่แรงงานและประชาชนในพื้นที่รอบโรงงานอย่างเป็นระบบ เช่น โรงเรียน สนามกีฬา อาหารคุณภาพดี ที่อยู่อาศัยปลอดภัย และทุนสนับสนุนการศึกษา ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวได้รับการยกย่องว่าเป็น “สังคมสีเขียว” ที่น่าอยู่

ในโอกาสนี้ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารของบริษัทเทินหินบูน พาวเวอร์ จำกัด โดยระบุว่า โรงไฟฟ้าแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นต้นแบบด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพในการผลิตกับคุณภาพชีวิตของแรงงานอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนของที่ระลึกระหว่างคณะกรรมาธิการแรงงานกับฝ่ายผู้บริหารของโรงไฟฟ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว

คณะกรรมาธิการฯ จะนำข้อมูลที่ได้รับจากการดูงานในครั้งนี้ไปใช้ประโยชน์ในการยกร่างนโยบายด้านแรงงานของประเทศไทยให้สามารถตอบโจทย์อนาคต สอดคล้องกับแนวทางพลังงานสะอาด และยกระดับแรงงานไทยสู่มาตรฐานที่แข่งขันได้ในระดับอาเซียนและระดับโลก