เจ้าคณะตำบลมีมติชัด! ขับ “หลวงตาสุจย์” ออกจากวัด ปมไลฟ์สดเข้าข้างกัมพูชา-ปลุกปั่นสร้างความแตกแยก
1 min read
บุรีรัมย์ – วันที่ 29 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี “หลวงตาสุจย์” หรือ พระมหานริรธร ปสนุโน พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งภาคอีสานใต้ ที่ตกเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล หลังจากไลฟ์สดหลายครั้งด้วยเนื้อหาที่สร้างความไม่พอใจแก่พุทธศาสนิกชน ทั้งจากการตำหนิชาวจังหวัดสุรินทร์ ไปจนถึงการแสดงออกอย่างชัดเจนในการสนับสนุนฝั่งกัมพูชา
กระแสตีกลับอย่างรุนแรง หลังหลวงตาสุจย์ใช้ถ้อยคำระหว่างการไลฟ์สดว่า
“อยากให้เขมรยิงปืนใหญ่มาที่จังหวัดสุรินทร์” และยังประกาศว่าจะไม่ขอกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีก พร้อมแสดงความตั้งใจจะขอตายในฝั่งเขมร จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
เหตุการณ์ยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเมื่อ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไลฟ์สดพูดถึงหลวงตาสุจย์ พร้อมประกาศชัดเจนว่า
“รัฐบาลไทยได้ถอดถอนสัญชาติพระภิกษุรูปนี้ เพียงเพราะพูดเข้าข้างกัมพูชา… แต่รัฐบาลกัมพูชาพร้อมให้ที่พำนัก ให้สัญชาติ และจะดูแลอย่างดีที่สุด”
โดยปิดท้ายคลิปไลฟ์สด สมเด็จฮุน เซนยังเปิดคลิปเสียงหลวงตาสุจย์ร้องเพลงกันตรึมที่เคยใช้ในการเทศน์ว่า “จ๊าบยุมละหวืยๆ” ซึ่งแปลว่า “นกร้องหิวเหยื่อ” ตอกย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างพระสงฆ์ไทยรูปนี้กับทางกัมพูชา
ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการจากคณะสงฆ์ฝ่ายไทย โดย พระครูถาวรวิชระชัย เจ้าอาวาสวัดป่าหนองแคร่ และเจ้าคณะตำบลกระสัง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดเดิมของหลวงตาสุจย์ ได้ออกหนังสือคำสั่งในวันที่ 19 มิถุนายน 2568 โดยมีสาระสำคัญคือ
“ท่านได้ละเมิดข้อวัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่พุทธศาสนิกชน ทั้งอุบาสก อุบาสิกา เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เป็นโลกวัชชะ และเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์”
จึงมีมติให้ ปัพพาชนียกรรม หรือ ขับออกจากวัดป่าหนองแคร่ มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่า จากนี้หลวงตาสุจย์จะไม่มีสถานะเป็นพระภิกษุในวัดแห่งนี้อีกต่อไป
สำหรับหลวงตาสุจย์ เป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงในเขตอีสานใต้ เคยมีผู้ศรัทธาจำนวนมากและเคยเดินทางไปเทศน์ในหลายประเทศ แต่พฤติกรรมช่วงหลัง โดยเฉพาะการใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ไม่เหมาะสม และแสดงออกทางการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้ภาพลักษณ์ของพระภิกษุในสายตาสาธารณชนเกิดความเสียหาย จนนำไปสู่การตัดสินใจของคณะสงฆ์ในครั้งนี้

หลังจากคำสั่งขับออกจากวัด ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดจากหลวงตาสุจย์ผ่านช่องทางสาธารณะ ขณะที่ยังไม่มีแหล่งข่าวใดสามารถยืนยันชัดเจนถึงสถานที่พำนักของท่านในขณะนี้”