ไทยตอกกลับกัมพูชา! ปัดใช้เคมี-งัดภาพแฉกัมพูชาปั้นข่าวลวง หลักฐานชัด กัมพูชายิงก่อน เตรียมเปิดหลักฐานกลางสนามจริง
1 min read
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวชี้แจงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันว่าไทยยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี พร้อมทั้งเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงและการบิดเบือนข้อมูล
นายนิกรเดช เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงของไทยมีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหลายครั้ง ทั้งการยิงปืนเล็กและลูกระเบิดเข้ามาในเขตแดนไทย ไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งหนังสือแจ้งการละเมิดไปยังมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีนในฐานะสักขีพยาน และเลขาธิการสหประชาชาติกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามการละเมิดดังกล่าว ควบคู่ไปกับการแถลงการณ์ของกองทัพบกและกองทัพไทย นอกจากนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับนายบุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม รวมถึงได้รับโทรศัพท์จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกประเทศล้วนสนับสนุนท่าทีของไทยในการหาข้อยุติอย่างสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคี”ฝ่ายไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและมุ่งแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันโดยสันติวิธี”

นายนิกรเดช กล่าวย้ำ และเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดทุกรูปแบบและกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงด้วยความจริงใจ
กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ไทยเคารพสิทธิแรงงานต่างด้าวทุกประเทศ รวมถึงแรงงานกัมพูชา ซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศ สถานการณ์ความตึงเครียดเป็นปัญหาระหว่างรัฐ ไทยไม่มีนโยบายตอบโต้หรือผลักภาระให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศนายนิกรเดช แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะจากกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่มุ่งปกปิดความจริงและทำลายความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีระหว่างประเทศ”การที่กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับสื่อสารกับนานาประเทศว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ เป็นหลักฐานชัดเจนว่ามีการบิดเบือนข้อมูล” นายนิกรเดช ระบุ การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่บ่อนทำลายความไว้วางใจ แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูสันติภาพและการเจรจา
เอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริง เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง และอธิบายจุดยืนของไทยที่ต้องการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี โดยคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติและอาเซียน รวมถึงสถานทูตต่างๆ ก็กำลังชี้แจงจุดยืนในเวทีโลกเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของกัมพูชาที่ว่าไทยเปิดฉากยิงก่อนและใช้สารเคมี นายนิกรเดช ชี้แจงว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างร้ายแรง ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมีและไม่มีอาวุธดังกล่าว ส่วนภาพที่กัมพูชากล่าวอ้างเป็นภาพการดับไฟป่าในประเทศอื่น และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นข้อมูลจากทางการไทย
เอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริง เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง และอธิบายจุดยืนของไทยที่ต้องการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี โดยคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติและอาเซียน รวมถึงสถานทูตต่างๆ ก็กำลังชี้แจงจุดยืนในเวทีโลกเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของกัมพูชาที่ว่าไทยเปิดฉากยิงก่อนและใช้สารเคมี นายนิกรเดช ชี้แจงว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างร้ายแรง ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมีและไม่มีอาวุธดังกล่าว ส่วนภาพที่กัมพูชากล่าวอ้างเป็นภาพการดับไฟป่าในประเทศอื่น และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นข้อมูลจากทางการไทย
ส่วนกรณีที่นายฌอน เค. โอนีลล์ ว่าที่ทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวเตือนไทยเกี่ยวกับผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ นายนิกรเดช ชี้แจงว่าเป็นคำตอบที่ถูกถามในการประชุมวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งกัมพูชานำไปปั่นกระแสโจมตีไทย ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

นายนิกรเดช กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาเชิญผู้ช่วยทูตทหารและผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่ว่า เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา แต่ไทยไม่กังวล “หากตนเป็นเขาจะกังวลมากกว่า เพราะเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง” เขาเสริมสำหรับการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของไทยร่วมลงพื้นที่ล่าช้า เนื่องจากกระทรวงกลาโหมกำลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของคณะที่จะลงพื้นที่ เนื่องจากไม่ทราบว่ากัมพูชาจะละเมิดข้อตกลงอีกเมื่อใด คาดว่าจะสามารถพาคณะผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชนลงพื้นที่ได้ใน วันศุกร์นี้ (1 สิงหาคม) เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงในพื้นที่และหลักฐานการกระทำต่อประชาชนที่ไม่ใช่ทหาร โดยจะเชิญกลุ่มอาเซียน มาเลเซีย สหรัฐฯ และจีน ซึ่งได้รับเชิญทั้งหมดแล้วนายนิกรเดช วิงวอนให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลและทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ศักดิ์ศรี และผลประโยชน์ของคนไทยเป็นสำคัญเสมอมา

Loading…