แม่ทัพภาคที่ 4–ผบช.ภ.9 แถลงผล “บังคับใช้กฎหมาย” จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันที่ 2 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุมยะลารวมใจ ชั้น 2 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 (ผอ.รมน.ภาค 4 ) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการ กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และ พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล หน.สสส.กกล.ตร.จชต.ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำเดือนสิงหาคม 2568 ซึ่งการแถลงดังกล่าว

สืบเนื่องจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งรัดติดตามผู้ก่อเหตุรุนแรงและผู้เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว พร้อมกำชับให้ยึดหลักสิทธิมนุษยชน และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ผลการปฏิบัติ เดือนสิงหาคม 2568 มีการปิดล้อมตรวจค้น 15 ครั้ง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 21 คน (อยู่ระหว่างซักถาม 14 คน) เกี่ยวข้องกับคดีสำคัญหลายคดี เช่น เหตุยิงเจ้าหน้าที่ เหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมถึงผู้ต้องหาตามหมายจับที่ถูกผลักดันกลับจากประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ออกหมายจับ 33 หมาย จับกุมแล้ว 17 คน คดีเด่น อาทิ เหตุยิงและลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นราธิวาสและยะลา คดีลอบวางระเบิดในจังหวัดท่องเที่ยว (กระบี่–พังงา–ภูเก็ต) คดีเผารถยนต์และยิงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่สุไหงปาดี
ภาพรวมการปฏิบัติ (เมษายน – สิงหาคม 2568) คลี่คลายคดีได้แล้ว 43 คดี ออกหมายจับ 166 หมาย จับกุมผู้ต้องหา 66 คน / 68 หมาย ช่วยแยกผู้ก่อเหตุออกจากชุมชน สร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ทุกขั้นตอนการบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการภายใต้ กรอบกฎหมาย นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน โดยเน้นเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงผิดกลับคืนสู่สังคม

ส่วนความคืบหน้าเหตุการณ์ก่อกวน ลอบวางระเบิด เผายางรถยนต์ เผากล้องวงจรปิด วางวัตถุต้องสงสัย ยิงหม้อแปลงไฟฟ้า พร้อมกัน ในพื้นที่ จชต. พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า สำหรับรายละเอียดที่ชัดเจนว่าคนร้ายเป็นกลุ่มใด ต้องรอเจ้าหน้าที่ทำงาน ตรวจสอบผลทางนิติวิทยาศาสตร์ อย่างละเอียดก่อน ถึงจะยืนยันว่าเป็นกลุ่มใหม่ หรือ กลุ่มเก่า

แต่โดยลักษณะการก่อเหตุ มีการประสงค์ต่อทรัพย์ที่ชัดเจนและเป็นลักษณะการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการมีการวางแผนเตรียมการก่อเหตุ พร้อมกันในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ทำการใช้ระเบิด ซึ่งออกแบบมาเพื่อระเบิดฝาตู้เซฟ โดยเฉพาะ แล้ว ทุกตู้เหมือนกัน แผนประทุษกรรมก็มีการพยายามที่จะงัดแงะฝาเซฟที่จะเข้าไปเอากล่องเงิน บางตู้ประสบความสำเร็จ บางตู้ก็ไม่สำเร็จ อุปกรณ์การจุดระเบิดก็จะจุดระเบิดด้วยรีโมท ซึ่งจากตรงนี้ สามารถระบุได้ว่าการก่อเหตุครั้งนี้ เป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการ ที่มุ่งทำลายระบบเศรษฐกิจ รวมถึง การประสงค์ต่อทรัพย์อย่างชัดเจน

        

        Loading...