“ศุภชัย” เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ร้องทุกข์กล่าวโทษ “ภูมิธรรม” ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
1 min read
กรุงเทพมหานคร-“ศุภชัย” เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ร้องทุกข์กล่าวโทษ “ภูมิธรรม” ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 157 อ้าง เลขาฯกฤษฎีกา วินิจฉัย ยุบสภา จะเป็นการทำให้ระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท
วันที่ 3 กันยายน 2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยระบุว่า ด้วยเมื่อระหว่างวันที่ 2 ถึง วันที่ 3 กันยายน 2568 เวลากลางคืนและเวลากลางวันเกี่ยวเนื่องกัน โดยเมื่อ10.00 นาฬิกาเศษของวันที่ 3 กันยายน 256 นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชน หลายแขนง ว่า ขณะนี้สถาณการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ระบบประชาธิปไตยบิดเบี้ยวไม่เป็นไปตามทำนองคลองธรรม การตัดสินใจของ 2 พรรคการเมือง คือพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยตกลงกันจัดตั้งรัฐบาล โดยได้ยินประกาศว่า พรรคประชาชน โหวตให้แต่ไม่ร่วมรัฐบาล อันนี้ก็ยังไงก็เป็น 3 กลุ่มเหมือนเดิม และทำให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนพรรคประชาชนเป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีสิ่งนี้มาก่อน และมีการดึงซื้อ สส.อะไรต่างๆ สถานการณ์ตอนนี้ก็ค่อนข้างสับสนอลหม่าน ประกอบกับเศรษฐกิจที่มีปัญหาสิ่งสำคัญวันนี้คือดึงความเชื่อมั่นกลับเข้ามาประเทศได้ ปัญหาก็ยิ่งรุมเร้า

“ปัญหาทั้งหมดแบบนี้ ฝ่ายกฎหมายก็คิดว่าก็ควรจะคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินใจ แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีใครมีสิทธิไปตัดสินใจใจได้ เพราะอยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัยต่อสถานการณ์ต่างๆ ผมเองในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ได้พิจารณาและรวบรวมความคิดเห็นต่างๆ ได้ชัดเจนแล้ว คิดว่าควรจะต้องมีการกราบบังคมทูลถวายสถานการณ์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผมเลยตัดสินใจยื่นทูลเกล้า(หมายถึงพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร)ไปตั้งแต่(2 ก.ย. 2568)แล้ว ก็ต้องรอกระบวนการตามประชาธิปไตยและกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องรอ และถ้าเป็นแบบนี้ พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยต้องไปพิจารณา” นายภูมิธรรรม กล่าว และว่า ไม่ได้กังวลในข้อกฎหมาย เพราะยื่นไปตามกฎหมายและกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ
.
ข้าพเจ้า นายศุภชัย ใจสมุทร ขอร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมตรีและผู้เกี่ยวข้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยเห็นว่าการกระทำของนายภูมิธรรม เวชยชัย ดังกล่าว ได้อาศัยความเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ กระทำการโดยไม่สุจริตทั้งๆ ที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา(นายปกรณ์ นิลประพันธ์/ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลได้ให้ความเห็นว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีไม่สามารถเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรได้ ซึ่งต้องกระทำการด้วยความรอบคอบ และจะเป็นการทำให้ระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท
จึงขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง และจากการสืบสวนสอบสวนหากพบว่ามีบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วยก็ขอให้ดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้นด้วย
.
“ผมยืนยันว่า สภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย มีปัญหาคือคุณภูมิธรรม คนเดียว เพราะฉะนั้น ผมจึงมาที่นี่ เพื่อดำเนินคดีกับคุณภูมิธรรม ส่วนบุคคลอื่น ซึ่งทราบมาว่า ขบวนการที่จะให้ขึ้นไปได้ ทราบว่าฝ่ายข้าราชการก็อึดอัด ท่านไม่อยากจะทำ ขอร้องอย่าไปบังคับขู่เข็ญข้าราชการ ถ้าความปรากฏว่า ข้าราชการ หรือหน่วยงานใดก็ตามที่ให้การสนับสนุนอีก ก็ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการด้วย อย่างไรก็ตามผมมีข้อมูลอยู่แล้ว ในเวลานี้ นาทีนี้ ผมรู้กำลังจะทำอะไร เพราะฉะนั้นก็ยุติเสีย อย่าต่อเลยครับ ไปตั้งหลักใหม่เถิดครับ การเมืองเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ก็ผ่านประสบการณ์มา บางเรื่องท่านรู้สึกว่าท่านรู้สึกว่าถูกรังแก วันนี้อย่าใช้วิธีการกลับกันครับ ให้ประชาธิปไตยมันเดินหน้าแบบที่คุณภูมิธรรมพูดเถิดครับ” นายศุภชัย กล่าว
