“หนักกว่าโควิด” กมธ.แรงงาน ลงพื้นที่ชายแดนสระแก้ว จี้รัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาปิดด่าน ทำเศรษฐกิจพัง-ขาดแคลนแรงงานหนัก
1 min read
สระแก้ว – เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์และผลกระทบจากการปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ชี้สถานการณ์ปัจจุบัน “หนักกว่าช่วงโควิด” กระทบเศรษฐกิจชายแดนอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องรัฐบาลชุดใหม่เร่งเจรจาหาทางออกโดยด่วน

โดยในช่วงเช้า คณะกรรมาธิการฯ ได้ประชุมหารือ ณ ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว โดยมี นายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นางสาวจันดารา ปัญญานุวัฒน์ แรงงานจังหวัดสระแก้ว ซึ่งได้ร่วมบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านแรงงานในพื้นที่ รวมถึงปัญหาแรงงานชายแดนไทย–กัมพูชา และอุปสรรคในการดำเนินงาน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
จากนั้น คณะกรรมาธิการฯ ได้เดินทางต่อไปยังด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ และบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน พร้อมรับฟังปัญหาจากสถานการณ์จริงในพื้นที่

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการแรงงาน กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ “หนักกว่าช่วงโควิด” เนื่องจากในอดีต แม้จะมีการระบาดของโรค แต่ยังมีการอลุ้มอล่วยให้ประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถทำมาหากินได้ แต่ปัจจุบันเมื่อมีการปิดด่าน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง จากเดิมที่เคยมีแรงงานและประชาชนสัญจรผ่านแดนวันละกว่าหมื่นคน ตอนนี้กลับเงียบสนิท “ผลกระทบที่เกิดขึ้นรุนแรงมาก ทั้งนายจ้าง ผู้ประกอบการ ร้านค้า ภาคอุตสาหกรรม และโดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม เช่น การเก็บเกี่ยวลำไย ซึ่งเฉพาะฝั่งจันทบุรีต้องการแรงงานกัมพูชาไม่น้อยกว่า 30,000 คน แต่กฎหมายแรงงานของเรายังไม่สอดคล้องกับฤดูกาลเกษตรที่ยาวนาน 7-8 เดือน ปัญหานี้กระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงไร่อ้อยและภาคเกษตรอื่นๆ ด้วย”

นายสฤษฏ์พงษ์ ยังได้แสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย “ทุกคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน” จึงอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ สรุปประเด็นปัญหาและเร่งเจรจากับผู้นำกัมพูชาเพื่อหาทางออกร่วมกันให้เร็วที่สุด เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ และคลายความทุกข์ร้อนให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงปัญหาการบุกรุกที่ดินทำกินของคนไทยที่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องดำเนินการทวงคืนกลับมาให้ได้
“วันนี้ผมมาในเรื่องแรงงาน แต่ก็ได้เห็นปัญหาในหลายมิติ ทั้งความมั่นคง ปากท้องของประชาชน ซึ่งคณะกรรมาธิการหลายชุดก็ได้ลงมาดูแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการเจรจาในระดับผู้นำ เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย และเราต้องดูแลสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ทั้งอาหารการกินและที่อยู่อาศัย” ประธาน กมธ.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในพื้นที่ชายแดนยังคงมีความตึงเครียด มีการตั้งจุดตรวจและเครื่องกีดขวางอย่างแน่นหนาโดยเจ้าหน้าที่ทหารที่พร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด






