แค่มองหน้า หนุ่ม 18 โดนกลุ่มวัยรุ่นรุมกระทืบ โซ่ฟาดยับ
1 min read
อำเภอเมืองบุรีรัมย์/วัยรุ่น 18 ปีพาแฟนสาวไป นั่งเล่น หลานหน้าสนามฟุตบอลช้างอารีน่า เจอกลุ่มวัยรุ่นไม่รู้จักกันมาก่อนถามว่ามองหน้าทำไม ก่อนจะโดนรุมกระทืบใช้โซ่ฟาดได้รับบาดเจ็บ
วันที่ 13 ต.ค 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “เจ๊ม้อย v+” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ กลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายร่างกายหนุ่มวัย 18 ปี บริเวณหน้าสนามช้างอารีน่า อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมระบุข้อความ “โจ๋บุรีรัมย์โชว์เก๋า! อ้างถูกมองหน้า ใช้โซ่ฟาด-รุมกระทืบ ลากกับพื้น สลบเหมือด” ฯลฯ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ต.ค 68 เวลาประมาณ 03.00 น.
จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายอลงกรณ์ วาประโคน อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 11 ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณลำตัวและท้ายทอย จากการถูกทำร้ายและใช้โซ่รถจักรยานยนต์ฟาด เหตุเกิดขณะนายอลงกรณ์กำลังพาแฟนกลับจากเที่ยวที่หน้าสนามช้างอารีน่า



นายอลงกรณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้เจอกับน้องที่รู้จักและนั่งพูดคุยกันตามปกติ แต่กลุ่มวัยรุ่นที่รวมกลุ่มอยู่บริเวณนั้นเข้าใจผิดคิดว่าตนมาช่วยคู่กรณีของพวกเขา อีกทั้งมองว่าตน “มองหน้า” ท้าทาย จึงเดินเข้ามาถามว่า “ชอบมองหน้าเหรอ” ก่อนจะใช้โซ่รถจักรยานยนต์ฟาดเข้าที่ลำตัวและศีรษะ แล้วรุมกระทืบจนสลบ แม้ตนจะร้องขอให้หยุดแต่กลุ่มวัยรุ่นก็ไม่ยอม ก่อนแฟนสาวจะรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านให้แจ้งกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาล
ต่อมา นายรุ่งศักดิ์ บูรณ์เจริญ ผู้ใหญ่บ้าน ได้นำผู้บาดเจ็บไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ทั้งนี้นายอลงกรณ์ผู้บาดเจ็บ ประสงค์ที่จะเอาเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นที่รุมทำร้ายถึงที่สุด โดยมี พ.ต.ท.ธนัช นครไธสง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ รับเรื่องไว้ดำเนินการ พร้อมยืนยันว่าผู้บาดเจ็บไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน และเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และอันตรายอาจถึงชีวิต

เบื้องต้น พล.ต.ต.วรายุส์ จันทร์เยี่ยม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ เร่งรัดการตรวจสอบ ได้ร่วมกับพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่สืบสวน สอบปากคำผู้เสียหาย และได้สืบสวน สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามกลุ่มวัยรุ่นชายไทยที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายอลงกรณ์ฯ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป