สนามเด็กเล่นปริศนา! รถ อบต.โผล่ในที่เอกชน ใครกันแน่เจ้าของโครงการ “ส.ว.ปริญญา” จี้ตรวจสอบ
1 min read
สนามเด็กเล่นปริศนา! รถ อบต.โผล่ในที่เอกชน — ใครกันแน่เจ้าของโครงการ? ส.ว.ปริญญา จี้ตรวจสอบ
สำนักงานสมาชิกวุฒิสภาได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นางสาวสุมณทิพย์ สมบูรณ์จันทร์ ผู้รับมอบอำนาจจาก นายสมมาตร สมบูรณ์จันทร์ เจ้าของที่ดินตามโฉนดเลขที่ 7919 เลขที่ดิน 172 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน 32 ตารางวา
ผู้ร้องแจ้งว่า บนที่ดินของตนปรากฏการก่อสร้างถนน ลานออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่นของหมู่บ้านรวมใจ หมู่ 8 โดยมีรถบรรทุกและเครื่องจักรขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย (อบต.) เข้าดำเนินการ ทั้งที่เจ้าของที่ดินไม่ได้อนุญาต และพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยถูกประกาศเป็นที่สาธารณประโยชน์ จึงเกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงมีรถราชการเข้ามาดำเนินการในพื้นที่เอกชน
ภายหลังจากได้รับผลกระทบ ผู้ร้องได้ยื่นหนังสือต่อ อบต.ท่าทราย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 เพื่อให้ตรวจสอบและยุติการก่อสร้างจนกว่าจะได้ข้อยุติ แต่การดำเนินงานยังคงมีต่อเนื่อง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 15.07 น. โดยมี ร้อยตำรวจโทหญิงอิ่มสุทธินันท์ พงษ์สุนทร รองสารวัตร (สอบสวน) เป็นผู้รับแจ้ง
นอกจากนี้ ผู้ร้องยังได้ส่งเรื่องถึง สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร และ สำนักงานสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและหาข้อยุติว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินเอกชนหรือที่สาธารณะ

ต่อมา นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา ได้ทำหนังสือถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อขอให้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงแนวทางดำเนินการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด สำนักงานที่ดินจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย
ทีมข่าว “ข่าวชัดประเด็นจริง” ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและพบว่าบริเวณดังกล่าวมีการก่อสร้างจริง โดยมีการใช้รถและอุปกรณ์ของ อบต.ท่าทรายในพื้นที่ ซึ่งตรงกับหลักฐานที่ผู้ร้องส่งมา อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนิติกรของ อบต.ท่าทราย กลับได้รับคำตอบว่า “โครงการนี้ไม่ใช่ของ อบต.” ขณะที่บนเพจทางการขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย กลับเผยแพร่ข้อความประชาสัมพันธ์ว่าเป็น “กิจกรรมพัฒนาพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย” ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนและตั้งคำถามตามมาว่า “โครงการนี้เป็นของใครกันแน่”


ด้านผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายให้ความเห็นว่า หากมีการนำทรัพย์สินของทางราชการไปใช้ในพื้นที่เอกชนโดยไม่มีคำสั่งหรือโครงการรองรับ ควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อนสรุปใด ๆ เพราะอาจเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือขั้นตอนทางราชการที่ยังไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ หากพบว่ามีการใช้อำนาจหรือทรัพย์สินราชการโดยมิชอบ ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หรือ ประมวลกฎหมายอาญา ได้เช่นกัน
ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร และอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบร่วมของหน่วยงานระดับจังหวัด ทีมข่าว “ข่าวชัดประเด็นจริง” ยืนยันว่า ยังไม่สรุปว่าเป็นการบุกรุกหรือไม่ แต่จะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สังคมได้รับข้อมูลที่โปร่งใส ถูกต้อง และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย



