เสาร์. พ.ย. 8th, 2025

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

แฉพิรุธ! ตำรวจสั่งหา “เลื่อยยนต์” ประกอบสำนวน สองผู้ต้องหาร้อง DSI-อัยการสูงสุด หวั่นเป็น “แพะ” คดีรุกป่าเขาบ่อทอง

1 min read

กรุงเทพมหานคร-ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สส.ชลบุรี นำสองผู้ต้องหาคดีบุกรุกป่าเขาบ่อทอง จ.จันทบุรี เข้าร้อง DSI ขอรับเป็นคดีพิเศษและคุ้มครองพยาน อ้างเป็นแค่ผู้รับซื้อไม้ยางพารา แต่กลับถูกดำเนินคดีแทนผู้มีอิทธิพลตัวจริง พร้อมแฉพิรุธ ถูกตำรวจชุดสืบสวนสั่งให้หา “เลื่อยยนต์เก่า” มาประกอบสำนวน ก่อนจะถูกใช้เป็นของกลางมัดตัวเอง

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวรรณ บัวโรย ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว นายจรัส คุ้มไข่น้ำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี ได้นำนางอมรรัตน์ ขำสำอาง และนายวีระเดช ผลสวัสดิ์ สองผู้ต้องหาในคดีบุกรุกป่า “เขาบ่อทอง” เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้พิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ และขอเข้าสู่มาตรการคุ้มครองพยาน เนื่องจากทั้งสองเกรงว่าจะตกเป็น “แพะรับบาป” และไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายสุวรรณ บัวโรย เปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญที่น่าเคลือบแคลงสงสัยในชั้นสอบสวนคือ หลักฐานชิ้นสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แจ้งข้อกล่าวหาคือ “เลื่อยยนต์” ซึ่งนายสุวรรณยืนยันว่า ผู้เสียหายได้ไปจัดหามามอบให้เจ้าหน้าที่เองตามคำแนะนำของตำรวจชุดสืบสวน โดยไปหาซื้อเลื่อยยนต์มือสองจากร้านรับซื้อของเก่า ในราคา 500 บาทและไปขอมาจากคนงานอีก 1 ตัว ในวันที่ 14 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่เกิดเหตุและมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว

“ผู้เสียหายทั้งสองคนถูกเจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ไปหาเลื่อยยนต์มาให้หน่อยเพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีจะได้จบๆ ไป ด้วยความที่ไม่รู้ข้อกฎหมายและคิดว่าตนเป็นเพียงพยาน จึงไปหามาให้ แต่ปรากฏว่าเลื่อยยนต์ดังกล่าวกลับถูกนำไปใช้เป็นของกลางในการดำเนินคดีกับพวกเขาทั้งสอง ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ และไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้กระทำผิดจริง” นายสุวรรณ กล่าว

นายสุวรรณ บัวโรย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ร้องทั้งสองถูก สภ.มะขาม จ.จันทบุรี ดำเนินคดีอาญาที่ 31/2568 ในข้อหา “ร่วมกันแผ้วถางและทำไม้หวงห้ามในพื้นที่ป่า” ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือทั้งคู่เป็นเพียงผู้รับซื้อไม้ยางพาราในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ ภ.บ.ท.5 โดยก่อนตัดไม้ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่ต่อมาเกิดกรณีข่าว “บุกรุกเขาบ่อทอง” ซึ่งมีภาพรถแม็คโครเข้าไปขุดถางป่า แต่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีกลับเป็นผู้ร้องทั้งสองคน ทั้งที่พวกเขายืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ด้าน นายวีระเดช ผลสวัสดิ์ หนึ่งในผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ตนและภรรยาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวอีกเลยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 แต่กลับถูกแจ้งข้อกล่าวหาหลายกระทง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเพียงว่าให้ไปต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลเท่านั้น “ผมเป็นแค่ประชาชนธรรมดา จะไปสู้อะไรกับคนมีอิทธิพลได้ เรากลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวว่าเรื่องจะเงียบหายไป จึงต้องออกมาร้องเรียนต่อหน่วยงานส่วนกลาง”

โดยภายหลังการยื่นหนังสือ ได้มีผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการกอง ออกมารับเรื่อง พร้อมชี้แจงขั้นตอนว่า “หลังจากนี้ เรื่องจะเข้าสู่ระบบการตรวจสอบของ DSI เราจะตรวจสอบรายละเอียดและเอกสารในคำร้องว่าครบถ้วนหรือไม่ จากนั้นจะทำความเห็นในสำนวน เพื่อเสนอต่อท่านอธิบดีพิจารณาสั่งการต่อไปว่าจะรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งจะมีการแจ้งผลความคืบหน้าให้ผู้ร้องเรียนทราบเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป

ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรีไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่เวลาผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์ยังไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจเดินทางมาร้องเรียนต่อ DSI และในเวลา 14.30 น. ของวันเดียวกัน จะเดินทางต่อไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้มีการสั่งสอบสวนคดีเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 ต่อไป

Loading…

ใส่ความเห็น

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.