สาวร้องสื่อลูกสาวรักษารพ.บอกไม่เป็นไรสุดท้ายติดเชื้อกระแสเลือดดับ
1 min read
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 เมษายน 2566 ที่ศูนย์ร้องเรียนร้องทุกข์กระทรวงสาธารณสุข นางสุทธิดา มณีวิเศษศิริ อายุ 27 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ผู้ร้องเรียน ได้เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการทำงาน การวินิจฉัยอาการของลูกสาวและให้ออกมาชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องไปทางโรงพยาบาลแต่โรงพยาบาลในจังหวัดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

นางสุทธิดา มณีวิเศษศิริ อายุ 27 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่าตนเป็นแม่ของน้อง 5 ขวบน้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดด้วยอาการ อักเสบแล้วไข้สูงปู่กับย่าพาไปประมาณช่วงเที่ยงวันที่ 9 มีนาคม ไปถึงคุณหมอให้เจาะเลือด เพื่อวินิจฉัยโรค พอเจาะเลือดเสร็จหมอท่านแรกบอกว่าให้รอ พอหมอคนที่ 2 เจาะเลือดอีกครั้ง และรออีก 1 ชั่วโมง พอมาเจอหมอคนที่ 3 วินิจฉัยว่าน่าจะติดเชื้อในกระเพาะอาหาร เสร็จแล้วบอกปู่กับย่าว่าจะฉีดยาแล้วกลับบ้านหรือจะนอนโรงพยาบาลตนเลยบอกปู่กับย่าว่านอนโรงพยาบาลดีกว่า เนื่องจากน้องอาเจียนตลอดเวลา มีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งน้องเป็นธาลัสซีเมีย ชนิดเบต้าซึ่งให้เลือดและทานยาเด็กอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดทุกเดือน ระหว่างที่นอนอยู่โรงพยาบาลน้องอาเจียนตลอดและมีไข้ ตนเลยบอกกับปู่ย่าว่าวันที่ 10 จะกลับไปรับลูกพรุ่งนี้เช้าให้แจ้งหมอด้วย จะขอน้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด พอเช้าวันที่ 10 มีนาคมวันที่เกิดเหตุ สิ่งที่ได้กลับมาคือ คุณปู่ต้องเซ็นปฏิเสธการรักษา เนื่องจากน้องมีสิทธิ์เบิกตรงราชการต้องเซ็นปฏิเสธ ตนก็ไม่เข้าใจ ปู่ย่าบอกว่าถ้าเซ็นอะไรไปหลานเป็นอะไรกลางทางก็จะลำบาก งั้นเชื่อใจคุณหมอให้อยู่ที่เดิมสักคืนสองคืน แล้วแต่คุณหมอพิจารณาแล้วมาแจ้งคุณแม่พอคุณยายไปถึงช่วงสาย 10 โมงน้องปลุกไม่ตื่น ดูน้องมีอาการซึมๆ ตนเลยให้ Video Call และเรียกพยาบาลมาดู พอพยาบาลมาวัดความดันให้ บอกว่าปกติไม่เห็นเป็นอะไรเลยอาจจะเพลียจากที่ อาเจียนเยอะ ขอให้คุณยายเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เนื่องจากน้องฉี่ราด สักพักน้องก็กรี๊ดแล้วตาเหลือก ตนเลยบอกคุณยาย ว่าให้ปลุกน้องให้ตื่นและเรียกพยาบาล แต่ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น คุณหมอเลยรีบเข้ามาดูและส่งตัวไปที่รพ.จังหวัด ตอนนั้นน้องไม่รู้สึกตัวแล้ว ในช่วงระหว่างส่งตัวใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง พอไปถึงหมอบอกให้ใส่เครื่องช่วยหายใจเนื่องจากน้องอาการไม่ดี ให้ตนคุยกับครอบครัว ว่าถ้าน้องมีอาการหัวใจหยุดเต้นจะให้ปั๊ม หัวใจหรือเปล่า หมอวินิจฉัยว่าน้องติดเชื้อในกระแสเลือด วันที่น้องเสียชีวิตวันที่ 11 มีนาคม ปั๊มหัวใจแล้วไม่ขึ้น ตนเลยตัดสินใจให้หยุดการรักษา แล้วพาร่างน้องกลับบ้าน หลังจากนั้นวันที่ 12 ทางโรงพยาบาลเข้ามาพูดคุยกับตน ขอแสดงความเสียใจและนำร่างน้อง ไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อจะหาสาเหตุ แต่ว่ายังไม่ได้รับคำตอบ จนวันที่ 15 มีนาคม นัดคุยกับทางโรงพยาบาลอีกรอบ สิ่งที่ตนได้รับคำตอบกลับมาซื้อขอโทษ ทางโรงพยาบาลไม่ได้ทำ ซึ่งมันไม่ใช่คำตอบ ที่ตนอยากได้ยิน สิ่งที่เขาพูดถึงคือน้องเป็นศิษย์ราชการน้องใช้มาตรา 41 ไม่ได้ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าตรงนี้มันคืออะไร จากนั้นตนก็ไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย ทางโรงพยาบาลไม่ติดต่อกลับมาเลย ตนเลยลงโซเชียลเมื่อวาน วันนี้เลยมาเดินทางไปที่กระทรวงสาธารณสุข อยากให้ ทางกระทรวงสาธารณสุข เรียกโรงพยาบาลมาชี้แจงถึงกระบวนการการรักษา ถ้าเขายอมรับในส่วนการรักษาตามจรรยาบรรณของแพทย์ ทางตนจะยอมรับตรงนี้ ตนอยากให้มีคนรับผิดชอบในการเสียชีวิตในครั้งนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีคำตอบว่าเกิดจากอะไรตนรู้สึกเสียใจมาก

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนพยายามทำเต็มที่หากว่ามีการละเว้น ทางตนก็จะมีการตรวจสอบละดำเนินการต่อไป ส่วนในการละเว้นที่ปล่อยให้คนไข้เสียชีวิตนั้นตามที่ได้ข้อมูลมายังไม่มี แต่ตนก็ให้แพทย์ชี้แจงว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ว่าโรคนี้เกิดการติดเชื้อมาได้อย่างไร และโดยปกติการรักษาตามวิชาชีพวิชาการนั้นจะเป็นอย่างไร ในกรณีนี้ทางตนจะรับดูแลต่อไป และขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้เสียชีวิต

