รวบอีก 1 แก๊งต่างชาติอ้างเป็นตำรวจ วิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวจีน ยึดรถ-ได้เงินคืนครบ!
1 min read
สน.ห้วยขวางตามจับได้อีกราย! แก๊งมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจ ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีน ยึดของกลางพร้อมเงินสด $11,000 ดอลลาร์ฮ่องกง คืนให้ผู้เสียหายได้ทั้งหมด
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้จับกุม นาย Arefhossein Ghiasi สัญชาติอิหร่าน อายุ 54 ปี ได้ที่จังหวัดชลบุรี โดยนาย Arefhossein เป็นผู้ต้องหาคนที่ 2 ในแก๊งต่างชาติ 3 คน ที่ร่วมกันอ้างตัวเป็นตำรวจ ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีน 3 คน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม บริเวณใต้สะพานลอย หน้าโรงแรมเดอะเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง คนร้าย 3 คนได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีนไปเป็นเงินสด $11,000 ดอลลาร์ฮ่องกง
หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 1 คน คือ นาย Hanekom Matthew สัญชาติแอฟริกาใต้ อายุ 42 ปี พร้อมรถยนต์ยี่ห้อ เอ็มจี สีขาว ทะเบียน 4 ขว 9448 กรุงเทพฯ ที่ใช้ก่อเหตุ แม้ผู้ต้องหาจะให้การภาคเสธ แต่การสืบสวนก็ขยายผลไปถึงเต็นท์รถที่เช่ามา จนทราบชื่อผู้เช่ารถทั้งหมด และนำไปสู่การจับกุมนาย Arefhossein Ghiasi ได้ในที่สุด
คืนเงินครบทุกบาท สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว
พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก. สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาได้นำเงินที่ได้ไปแลกที่ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราในย่านสุขุมวิท ซอย 3 ซึ่งตำรวจสามารถติดตามเงินสดมาคืนให้ผู้เสียหายได้ครบถ้วนทั้งหมด
สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งนี้ พบว่ามักจะตระเวนก่อเหตุในลักษณะเดียวกันตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ย่านพระราม 9, ห้วยขวาง และสุขุมวิท โดยจะเลือกเหยื่อที่เป็นนักท่องเที่ยว และจากการตรวจสอบพบว่าเคยก่อเหตุในพื้นที่ สน.บางรัก เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2567 และถูกจับกุมมาแล้ว
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาในความผิดฐาน ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ, แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (โอเวอร์สเตย์)
ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 1 คน ซึ่งเป็นชายชาวเอเซีย ที่มีสำเนียงพูดภาษาจีนไม่ชัด มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนักท่องเที่ยวชาวจีนผู้เสียหาย ซึ่งทำธุรกิจจัดอีเวนท์และคอนเสิร์ตที่เมืองเซินเจิ้น และมาเที่ยวไทยเป็นประจำ เปิดเผยว่า แม้จะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็รู้สึกดีใจและขอบคุณตำรวจไทยที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาและนำเงินมาคืนให้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกเชื่อมั่นในความปลอดภัย และยืนยันว่าจะเดินทางกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน
