ตามล่าจับ 2 มือปืนลั่นไกกลางซอยนวลจันทร์ ปมแค้นสะสม! ผู้ต้องหาสารภาพยิงเอง ไม่ซัดทอดใคร
1 min read
จากกรณีเหตุยิงกันเสียชีวิตในซอยนวลจันทร์ 22 เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เมื่อกลางดึกวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตคือ นายทศพล แหยมสด อายุ 34 ปี ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองรายได้แล้ว พร้อมเปิดเผยเส้นทางหลบหนี และมูลเหตุจูงใจเบื้องหลัง
ตำรวจนครบาลโคกคราม ร่วมกับชุดสืบสวน นำตัวนายชนิตพล เพชรชนะ อายุ 22 ปี ผู้ลงมือยิง และนายรณพีร์ อายุ 17 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ ขณะเกิดเหตุ มาสอบปากคำหลังควบคุมตัวได้ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายชนิตพลให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงจริง โดยไม่ซัดทอดถึงบุคคลอื่น พร้อมกล่าวสั้น ๆ ว่า “ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต” ก่อนเข้าห้องสอบสวนโดยไม่พูดอะไรอีก
เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 5 ข้อหา รวมถึงข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างติดตามอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาระบุว่าเคยซื้อจากเฟซบุ๊กในราคา 38,000 บาท และนำไปทิ้งหลังจากลงมือ
พล.ต.ท. สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ร่วมแถลงผลการจับกุม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าในคอนโดย่านรามอินทรา จากนั้นหลบหนีไปยังหลายจังหวัด ผ่านการช่วยเหลือจากเพื่อนหลายคน จนสุดท้ายไปถึงเกาะสมุย ก่อนถูกเจ้าหน้าที่กดดันให้เข้ามอบตัว
สาเหตุของการลงมือครั้งนี้ มาจากความขัดแย้งสะสมระหว่างกลุ่มของผู้ตายกับกลุ่มของผู้ต้องหา โดยเริ่มต้นจากช่วงปลายปี 2567 ที่นายกอล์ฟ (ผู้เสียชีวิต) เพิ่งพ้นโทษ ต่อมาในเดือนมกราคม 2568 เกิดเหตุยิงกันในพื้นที่ สน.คันนายาว ส่งผลให้น้าชายของนายชนิตพลได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเกิดการแก้แค้นต่อเนื่อง จนล่าสุดในช่วงสงกรานต์ กลุ่มน้องสาวของผู้ต้องหาก็ถูกแทงได้รับบาดเจ็บอีก ทำให้ชนวนความแค้นยิ่งปะทุขึ้น
นายชาติพิชิต เพชรชนะ พ่อของนายชนิตพล เผยว่า หลังเกิดเหตุลูกชายโทรศัพท์มาแต่ไม่บอกว่าไปก่อเหตุอะไร ตนได้ขอให้ลูกเข้ามอบตัวเพื่อรับผิด และกล่าวขอโทษญาติผู้เสียชีวิตแทนลูกชาย พร้อมยืนยันว่าลูกชายไม่ใช่คนเกเร และรู้สึกเป็นห่วงในฐานะพ่อ
จากการสอบสวนเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ต้องหามีทักษะในการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างดี เนื่องจากเคยไปฝึกยิงที่สนามยิงปืน และวางแผนการก่อเหตุอย่างรอบคอบ โดยใช้การเข้าไปสังเกตการณ์ในร้านสนุกเกอร์ก่อนก่อเหตุ เพื่อเช็กเป้าหมาย
ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง และอยู่ระหว่างขยายผลไปยังบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาในการหลบหนี โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด
