เฮลั่น! ผู้รับเหมาช่วงโครงการพลังงานสะอาด CFP ยกทีมให้กำลังใจตำรวจชลบุรี หลังมีมติส่งฟ้องอาญา UJV ฐานโกงค่าแรงกว่า 7 พันล้านบาท

ชลบุรี – วันที่ 27 สิงหาคม สมาพันธ์ผู้รับเหมาภาคตะวันออก นำโดย นายฉัตรมงคล เขมาภิรัตน์ กรรมการบริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (SCC) และบริษัท ฉัตรการช่าง จำกัด พร้อมด้วยผู้แทนจากบริษัทผู้รับเหมารายใหญ่ อาทิ ชินโบ, Cmg, Italthai, Rotary, Ietl, Caz และ Trc ได้เข้ามอบกระเช้าดอกไม้แก่ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เพื่อแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจ หลังตำรวจชลบุรีมีมติส่งฟ้องคดีอาญากลุ่ม UJV กรณีไม่จ่ายค่าจ้างผู้รับเหมาช่วงในโครงการพลังงานสะอาด CFP รวมความเสียหายกว่า 7,000 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และตำรวจ สภ.แหลมฉบัง ได้ร่วมกันพิจารณาคำร้องของกลุ่มผู้รับเหมาช่วงที่ยื่นแจ้งความเอาผิดต่อกลุ่ม UJV ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 จนถึงที่สุด โดยมีการชี้ชัดให้เอาผิดผู้จัดการ ผู้รับเหมาหลัก ผู้แทน และผู้เกี่ยวข้องในข้อหาทุจริต ฉ้อโกง และไม่จ่ายค่าจ้างตามสัญญา

พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ เปิดเผยว่า แม้ในสายตาของสังคมอาจเห็นว่าคดีนี้ไม่มีความคืบหน้า แต่ในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างรอบคอบและอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาคดี ซึ่งมีทุกภาคส่วนเข้าร่วม มีมติชัดเจนว่าจะสามารถเอาผิดทางอาญากับบริษัท UJV ได้หรือไม่ ซึ่งผลสรุปในวันนี้คือการส่งฟ้องอาญาตามที่กลุ่มผู้รับเหมาช่วงร้องเรียน

ด้านนายฉัตรมงคล ระบุว่า ที่ผ่านมา สมาพันธ์ผู้รับเหมาภาคตะวันออกได้ยื่นฟ้องร้องกลุ่ม UJV เกี่ยวกับการไม่ชำระค่าจ้างแรงงานในโครงการพลังงานสะอาด CFP รวมมูลค่ากว่า 7,000–8,000 ล้านบาท โดยคดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2567 และได้ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการเอาผิดในทางอาญา

“เราฟ้องร้องในข้อหาฉ้อโกงแรงงาน เพราะ UJV รู้ดีว่าไม่มีเงินชำระค่าจ้าง แต่ยังหลอกให้ทำงานจนมีผู้เสียหายกว่า 40 บริษัท วันนี้เมื่อมีมติส่งฟ้องอาญา พวกเราจึงรู้สึกดีใจและมีความหวังว่าจะได้ต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป โดยหวังว่าจะนำไปสู่การไกล่เกลี่ย หาก UJV รับปากต่อหน้าศาลว่าจะชำระค่าจ้างทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นทางออกที่พอรับได้” นายฉัตรมงคล กล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มผู้รับเหมาช่วงยืนยันว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับค่าจ้างที่ค้างชำระจาก UJV แต่อย่างใด แม้บางรายจะได้รับเพียงเล็กน้อย แต่ไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้หลายบริษัทต้องหยุดกิจการหรือปลดพนักงานออก ขณะที่บางรายยังคงยืนหยัดติดตามคดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป