กมธ.แรงงาน ห่วงแรงงานไทยถูกสัญญาหลอกลวงต่างแดน ชี้บางกรณีเข้าข่ายค้ามนุษย์ – ส.ส.จรัส ร่วมสะท้อนปัญหาละเมิดสิทธิ
1 min read
วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร แสดงความห่วงใยต่อปัญหาแรงงานไทยที่ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีแรงงานกว่า 700 คนที่ถูกนายหน้าและบริษัทจัดหางานบังคับให้เซ็นสัญญาไม่เป็นธรรม ก่อนเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์ แต่กลับไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลง
นายสฤษฎ์พงษ์ เปิดเผยว่า แรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะจากจังหวัดภาคอีสาน เช่น ชัยภูมิ ขอนแก่น และอุดรธานี ถูกบังคับให้ลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อชำระค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเดินทาง และค่าที่พัก แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับไม่ได้รับรายได้ตามที่คาดหวัง บางรายกลับไทยมีเงินติดตัวเพียงไม่กี่พันบาทเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบริษัท “นอมินี” ในประเทศไทย นำสัญญาที่แรงงานลงนามไปยื่นฟ้องร้องในชั้นศาล เพื่อกดดันไม่ให้แรงงานเรียกร้องสิทธิค่าจ้าง ถือเป็นการซ้ำเติมและเข้าข่ายละเมิดสิทธิแรงงานร้ายแรง

“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงการผิดสัญญา แต่สะท้อนถึงการเอารัดเอาเปรียบแรงงานไทยอย่างชัดเจน และบางกรณีอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์ กรรมาธิการจึงมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้แรงงานได้รับความเป็นธรรม”
— นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธาน กมธ.แรงงาน
เขาย้ำว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน ต้องเพิ่มมาตรการเชิงรุก ใช้กลไก “5 เสือแรงงาน” ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด แรงงานจังหวัด ไปจนถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรท้องถิ่น เพื่อสื่อสารเตือนภัยแรงงานในพื้นที่เสี่ยง พร้อมเผยแพร่ตัวอย่างกรณีจริงให้แรงงานตระหนักและป้องกันตนเอง

ด้าน นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.พรรคประชาชน เขต 8 ชลบุรี กล่าวเสริมว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เพียงข้อพิพาทค่าใช้จ่าย แต่เป็น “การละเมิดสิทธิแรงงานไทยโดยตรง” เนื่องจากแรงงานถูกบังคับให้เซ็นสัญญาหลอกลวงและไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม
“แรงงานไทยบางส่วนในฟินแลนด์สามารถชนะคดีได้ แต่ในสวีเดนและสวิตเซอร์แลนด์กลับยังถูกดำเนินคดีแพ่ง ทั้งที่ไม่เคยได้รับแจ้งค่าใช้จ่ายที่แท้จริง รัฐบาลต้องวางมาตรการชัดเจน ตั้งแต่การตรวจสอบสัญญามาตรฐาน การกำกับดูแลบริษัทจัดหางาน ไปจนถึงกลไกดูแลแรงงานไทยในต่างแดนอย่างใกล้ชิด” นายจรัสกล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการแรงงานได้สรุปแนวทางเร่งด่วน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
- ให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิด
- ให้ กระทรวงแรงงาน ปรับปรุงรูปแบบการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อให้เข้าถึงแรงงานกลุ่มเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
- ให้ หน่วยงานท้องถิ่น มีบทบาทในการปกป้องแรงงาน พร้อมนำกรณีแรงงานกว่า 700 คนที่ถูกหลอกลวงเป็นบทเรียนและตัวอย่างเตือนภัย
