ผู้เสียหายร้อง “ส.ส.จรัส” หลังถูกกล่าวหาบุกรุกป่า หวั่นตกเป็นแพะรับบาป – “สุวรรณ บัวโรย” รับมอบรวบรวมหลักฐานยื่นขอความเป็นธรรม

วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนสองรายได้เข้าพบ นายจรัส คุ้มไข่น้ำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน เพื่อยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าและทำไม้หวงห้ามในพื้นที่ อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ทั้งที่ยืนยันว่าเป็นเพียงผู้รับซื้อไม้ยางพาราปลูกในที่ดินทำกินตามเอกสารสิทธิ์ ภ.บ.ท.5 อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

คดีนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ผู้ประกอบการท้องถิ่นรายหนึ่งซึ่งดำเนินธุรกิจรับซื้อ–ขายไม้ปลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้ทำสัญญาซื้อไม้ยางพาราในพื้นที่ หมู่ 10 ตำบลวังแซ้ม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ จาก นางสาวเกษรา นามวงษ์ ผู้ครอบครองที่ดินตามเอกสาร ภ.บ.ท.5 ซึ่งเป็นที่ดินทำกินต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2541

การซื้อขายดำเนินการโดยมี ผู้ใหญ่บ้านและบุตรชาย ลงนามเป็นพยานในสัญญา มีการชำระเงินและส่งมอบสิทธิ์ในการตัดไม้ยางพาราให้กับผู้ซื้ออย่างถูกต้องตามขั้นตอน

ต่อมาในเดือน กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ จบ.5 (ทับไทร) ร่วมกับตำรวจ สภ.มะขาม เข้าตรวจพื้นที่ เขาบ่อทอง หมู่ 10 ตำบลวังแซ้ม พบว่ามีการปรับพื้นที่และร่องรอยตัดไม้จำนวนหนึ่ง ก่อนอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เรียกผู้ประกอบการหญิงเจ้าของสัญญา และ นายวีระเดช ผลสวัสดิ์ ไปให้ปากคำ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาว่า

“ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น และร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72

ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยชี้ว่ากระบวนการตรวจยึดมี ข้อพิรุธหลายประการ อาทิ การโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าให้จัดเตรียม เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง แม้ชำรุดก็ได้ เพื่อใช้เป็นของกลางในบันทึกตรวจยึด อีกทั้งรถคีบไม้ FORD 6600 ที่ระบุว่าถูกยึดจากพื้นที่เกิดเหตุ ก็เป็นเพียงรถที่ “ชี้ให้ตรวจ” ภายหลัง ไม่ได้พบในจุดเกิดเหตุจริง

พยานผู้ครอบครองที่ดินยืนยันว่าไม้ที่ตัดเป็น ไม้ยางพาราปลูก ไม่ใช่ไม้ป่าธรรมชาติ และไม่มีการบุกรุกพื้นที่ใหม่ ขณะที่ไม่มีหลักฐานว่าผู้ต้องหาได้รับผลประโยชน์จากการตัดไม้ โดยกรณีเงิน 5,000 บาท ที่มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ผู้ร้องยืนยันว่า ไม่ได้รับโอนจริง

ภายหลังจากนั้น มีรายงานว่ามี บุคคลผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ได้นำ รถแม็คโคร เข้าไปขุดดินและตัดไม้หวงห้ามในเขตป่าไม้จริง จนกลายเป็นข่าวใหญ่ในจังหวัดจันทบุรี แต่การดำเนินคดีกลับพาดพิงถึงผู้ร้องทั้งสอง ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ร้องเกรงว่าจะตกเป็น “แพะรับบาป” เนื่องจากผู้ที่เป็นต้นเหตุมีอิทธิพลและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่บางรายในพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลให้กระบวนการสอบสวนไม่เป็นธรรม

ภายหลังการเข้าพบ ส.ส.จรัส ได้มอบหมายให้ นายสุวรรณ บัวโรย ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส. ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรี, กระทรวงยุติธรรม, และ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

นายจรัส คุ้มไข่น้ำ กล่าวย้ำว่า การตรวจสอบต้องเป็นไปอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับความเป็นธรรม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบบทบาทของเจ้าหน้าที่และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องรับโทษแทนผู้อื่น